หลังคาเป็นองค์ประกอบหลักที่แสดงถึงอายุการใช้งานของอาคารแต่ละหลัง วัสดุมุงหลังคาจึงต้องมีความคงทนต่อสภาพอากาศเป็นพิเศษ สามารถป้องกันการซึมของน้ำได้ดี ป้องกันความร้อนและความหนาวเย็นได้เพื่อการประหยัดพลังงาน
วัสดุมุงหลังคาประเภทคอนกรีตไฟเบอร์ซีเมนต์ โลหะ กระเบื้องเทอราคอตตา และเซรามิคในยุคนึ้จึงได้รับการเคลือบผิวหน้าเพื่อป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกได้ดียิ่งขึ้น ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศไดดีมากขึ้นกว่าศตวรรษที่ผ่านมา หลังคาทรงลาดนอกจากจะปรับเปลี่ยนและรื้อถอนได้ง่ายและรวดเร็วแล้ว ยังดูแลรักษาง่าย หลังคาทรงลาดสามารถปรับใช้กับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้อีกด้วย
การก่อสร้างหลังคา อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุมุงหลังคาและการก่อสร้าง เราสามารถควบคุมคุณภาพของวัสดุมุงหลังคาได้ดี เมื่อผ่านการผลิตโดยกระบวนการทางอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตได้ครั้งละจำนวนมากและทดแทนการใช้แรงงานคน คุณภาพของวัสดุมุงหลังคาที่สังเคราะห์ขึ้นได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านรูปร่าง รอยต่อ และรายละเอียดการติดตั้ง ส่งผลให้คุณภาพของวัสดุมุงมีความคงทนได้มาตรฐาน สวยงาม ทนทานและปลอดภัย รวมทั้งมีวัสดุมุงหลากหลายให้เลือกตามความต้องการซึ่งเหมาะกับรูปทรงของหลังคา เช่น กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่ปัจจุบันใช้ใยสังเคราะห์อันเป็นสารประกอบพื้นฐานจากโพลีแอคริลไนไตรต์ และโพลีไวนีล แอลกอฮอล์ ผสมกับใยเซลลูโลส การก่อสร้างหลังคา แม้ว่าวิธีการมุงหลังคาจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 มากนัก
โดยที่ปัจจุบันเรายังคงใช้แรงงานคนไปเรียงแผ่นวัสดุมุงซึ่งผลิตเป็นวัสดุชิ้นเล็ก ๆ อีกทั้งยังคงใช้วิธีการเชื่อมรอยต่อโครงสร้างที่รองรับวัสดุมุงเพื่อให้เกิดความแข็งแรง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานาน ดังนั้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ระบบหลังคาได้รับการพัฒนาและออกแบบให้เข้าสู่ระบบการประกอบชิ้นส่วนสำเร็จรูป (prefabrication) ด้วยการแบ่งองค์ประกอบของหลังคาอออกเป็นชิ้นส่วนใหญ่ ๆ โดยผลิตสำเร็จรูปจากโรงงานและเคลื่อนย้ายมาประกอบกันทั้งระบบ ณ สถานที่ก่อสร้าง ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ทุกขั้นตอน และช่วยลดขั้นตอนการมุงหลังคาที่หน้างาน เช่น การผลิตโครงถักเหล็กจากโรงงานและนำมายึดรอยต่อที่สถานที่ก่อสร้างโดยปราศจากการเชื่อม ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน