หลังคาโปร่งแสง การนำแสงธรรมชาติมาใช้ภายในอาคาร นอกจากจะก่อให้เกิดความสง่าภายในห้องแล้ว เรายังพบว่าแสงธรรมชาติมีผลต่อจิตใจและสุขภาพพลานามัยของผู้อยู่ภายในอาคาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากดวงโคมซึ่งเป็นแสงประดิษฐ์
โดยทั่วไปเราออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในอาคารจากช่องหน้าต่างที่ผนัง และช่องแสงที่หลังคาหรือสกายไลท์
ประโยชน์ของหลังคาโปร่งแสง – หลังคาโปร่งแสงภายนอกอาคารช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องของท้องฟ้าและพื้นดิน ลดแสงสะท้อนและบังฝน – การนำแสงธรรมชาติเข้าสู่อาคารโดยผ่านวัสดุมุงหลังคาที่เป็นแผ่นโปร่งแสงที่มีรูปลอนเช่นเดียวกับวัสดุมุงหลักของผืนหลังคา ทำให้น้ำฝนไม่รั่วซึม – การให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในอาคาร 2 ทิศทาง จากผนังและหลังคา จะช่วยลดแสงจ้าและช่วยปรับสมดุลของแสงธรรมชาติ แสงธรรมชิตมาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความแปรผันไปตามช่วงเวลาของวัน ตามฤดูกาล ตามสถานที่ตั้งและการกระจายของแสงในท้องฟ้า ซึ่งขึ้นกับเมฆหมอก หยาดน้ำในท้องฟ้า และการสะท้อนแสงของพื้นดินและสิ่งแวดล้อมอาคาร คุณภาพและปริมาณของแสงธรรมชาติที่เข้าสู่ที่ว่างภายในอาคาร ขึ้นกับปัจจัยหลายด้าน เช่น การหันเหทิศทางของช่องหน้าต่างและช่องแสงบนหลังคา ขนาดของช่องหน้าต่างและช่องแสงที่หลังคา ค่าการส่งผ่านรังสีที่ตามองเห็นของกระจก ค่าการสะท้อนของพื้นผิวภายในห้องและการสะท้อนแสงของพื้นผิวภายนอกรอบอาคาร รวมทั้งกันสาดและต้นไม้ที่ขวางทางเดินของแสง การออกแบบแสงธรรมชาติภายในอาคารที่สดส่องมาจากหลังคาโดยตรง ควรพิจารณาเลือกใช้วัสดุโปร่งแสงที่มีค่าการส่งผ่านความร้อนต่ำและมีค่าการส่งผ่านรังสีที่ตามองเห็นได้เหมาะสมตามความต้องการ มีความทนทานต่อรังสีแสงอาทิตย์สามารถมุงเข้ากับรูปลอนของวัสดุมุงหลักของผืนหลังคาได้อย่างกลมกลืน โดยปราศจากการรั่วซึมของน้ำฝนและความชื้น ความสว่างที่มากเกินไปทำให้เกิดแสงจ้ารบกวนสายตา ดังนั้นจึงควรออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องได้อย่างน้อย 2 ทิศทาง เพื่อให้แสงสว่างภายในห้องมีความสมดุล เช่นให้แสงเข้ามาจากหน้าต่างที่ผนังสองด้านของห้องหรือให้แสงเข้ามาจากหลังคาและจากหน้าต่างที่ผนังอีกด้านหนึ่ง เป็นต้น
ค่าการส่งผ่านรังสีที่ตามองเห็น คือ ปริมาณของแสงที่สามารถมองเห็นได้ที่ผ่านวัสดุโปร่งแสง เช่น กระจก ประตู หรือกันสาด โดยค่าการส่งผ่านรังสีที่ตามองเห็นเป็นส่วนหนึ่งของเสปคตรัมจากแสงอาทิตย์ที่สายตามนุษย์สามารถรู้สึกได้โดยค่า visible transmittance จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 รังสีอาทิตย์นำมาซึ่งแสงสว่างและการถ่ายเทความร้อน การปลูกต้นไม้รายล้อมช่วยลดแสงจ้าและอุณหภูมิแวดล้อมทำให้เกิดสภาวะสบาย ค่าสัมประสิทธิ์ความร้อนแสงอาทิตย์ (Solar Heat Gain Coefficient; SHGC) รังสีดวงอาทิตย์นอกจากจะนำแสงสว่างมาให้แล้วยังทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ภายในอาคารอีกด้วย ค่าสัมประสิทธิ์ดังกล่าว เป็นผลรวมของรังสีอาทิตย์ที่ส่งผ่านกระจกหรือวัสดุโปร่งแสงโดยตรงกับค่ารังสีอาทิตย์ที่ถูกดูดกลืนไว้ในตัวกระจกหรือวัสดุโปร่งแสงเข้ามายังภายในอาคาร ในการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ความร้อนแสงอาทิตย์ ให้ใช้ค่าจากผู้ผลิตกระจกหรือวัสดุโปร่งแสงที่มีผลการทดสอบและวิธีการคำนวณที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ในกรณีที่ไม่มีค่าดังกล่าว ให้ใช้ค่าในตารางด้านล่าง
ความหนาของกระจก (มิลลิเมตร) |
ชนิดของกระจก |
visible transmittance |
SHGC |
กระจกชั้นเดียว ไม่เคลือบผิว (uncoated single glazing) | |||
6 6 6 6 6 |
กระจกใส กระจกสีบรอนซ์ กระจกสีเขียว กระจกสีเทา กระจกสีฟ้าอมเขียว | 0.88 0.54 0.76 0.46 0.75 | 0.73 0.54 0.54 0.52 0.55 |
กระจกสะท้อนแสงชั้นเดียว (reflective single glazing) | |||
6
6
6 |
กระจกใสเคลือบโลหะสเตนเลส 20% (Stainless steel reflective coating 20% on clear glass) กระจกใสเคลือบไทเทเนียม 20% (titanium reflective coating 20% on clear glass) กระจกใสเคลือบไทเทเนียม 30% (titanium reflective coating 30% on clear galss) |
0.20
0.20
0.30 |
0.28
0.27
0.35
|
กระจกสองชั้น ไม่เคลือบผิว (uncoated double glazing) | |||
6 6 6 6 6 6 |
กระจกใส – กระจกใส กระจกสีบรอนซ์ – กระจกใส กระจกสีเขียว – กระจกใส กระจกสีเทา – กระจกใส กระจกสีฟ้าอมเขียว – กระจกใส กระจกสีเขียวคุณภาพสูง-กระจกใส |
0.78 0.47 0.68 0.41 0.67 0.59 |
0.60 0.41 0.41 0.39 0.43 0.33 |
กระจกสะท้อนแสงสองชั้น (reflective double glazing) | |||
6 |
กระจกใสเคลือบไทเทเนียม 30% และกระจกใส |
0.27 |
0.25 |
กระจกเคลือบสารที่มีสัมประสิทธิ์การแผ่รังสีต่ำสองชั้น (Low-e double glazing, e = 0.2 on surface 2) | |||
6 |
กระจก Low-e และกระจกใส |
0.73 |
0.53 |
กระจก Low-e สองชั้น (Low double glazing), e= 0.1 on surface 2) | |||
6 |
กระจก Low – e และกระจกใส |
0.72 |
0.44 |